วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559



เขียน Blog อย่างไรให้ได้เงิน : วิธีหารายได้ ของ Blogger
 “Blogger” หรือ บล็อกเกอร์” ในภาษาไทย เริ่มมีความหมายต่อ Online Marketing มากขึ้น และงบโฆษณาที่ใส่ลงมาในการใช้ Blogger ก็เหมือนกับ“Cake ก้อนโต” สำหรับ มด” ตัวเล็กๆ ที่แบ่งกันยังไงก็ยังทานได้เหลือเฟือ
ในปี 2016, Thai Blogger บางท่านมีค่าตัวต่อการเขียน 1 Blog ที่หลักแสนบาท
และ Blog ผมหน้านี้ก็มีคนเข้าผ่าน Google Search ด้วย Keyword ว่า เขียนบล็อก + ได้เงิน ทุกวัน


แต่ที่จริงแล้วแรกเริ่มเดิมทีความหมายของ บล็อก” และ “Blog” คือ
Blog & Blogger คืออะไร ?
“Blog is a Discussion or Informational Site published on the www and Consisting of Discrete Entries [Posts] typically Displayed in Reverse Chronological Order” คือ ความหมายที่แท้จริงของ “Blog”
เอาง่ายๆมันก็คือการที่เราเขียนบ่นอะไรสักอย่างลงบน Internet โดยเรียงไล่ลงมาตามลำดับเวลา
ส่วนที่มาของคำว่า “Blog”, ตามนิยามของ WiKipedia ก็คือ “Web Log”
แปลว่า การจดบันทึกบน Web”
ต่อมาก็มีคนแยกสองคำนี้เป็น “We Blog”, แปลไทยว่า พวกเราเขียนบล็อก แทน
ประวัติศาสตร์แห่ง “Blog” ก็เลยเกิดขึ้นมาด้วยประการฉะนี้ฯ และสำหรับผม, Blog ก็ยังคงเป็น Diary ธรรมดาๆ นี่ละครับ

รายได้ของ Blog / Blogger มาจากไหน ?
แต่ก็มีคนไม่น้อยที่สงสัยว่าแล้วการเขียน Blog มันได้เงินอย่างไรหรือสร้างรายได้จากตรงไหน ?
 Blog นี้จะเขียนถึงแค่จากประสบการณ์ของผมที่เขียน เท่านั้น
ส่วน Thai Blogger & International Blogger ท่านอื่นอาจมีวิธีแตกต่างกันไปก็แล้วแต่
ก่อนอื่นต้องย้ำอีกทีครับว่า Concept ของ Blog ผมตั้งแต่เริ่มเขียนเล่นๆ จนถึงวันนี้ก็คือ ผมประกาศชัดเจนว่า “รับ Sponser”, แต่ต้องเป็น Brand ที่ดีในระดับที่บอกกันตรงๆ ได้ และผมก็จะรับ Product นั้นๆ มาใช้จริงในชีวิตด้วย
ข้อดีของการรับ Sponsor เฉพาะ Brand ชั้นยอดก็คือ ผมไม่ต้องโกหกผู้อ่านด้วยการเขียนเชียร์เกินจริง
ส่วนช่องทางการหารายได้อื่นๆ ของ Blogger ก็อาทิเช่น… 
1. รายได้จาก Sponsor โดยตรง !
ก็คือการรับเงินจาก Brand มาเลยนั่นเองซึ่งผมไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องผิดกฏหมายหรือผิดศีลธรรมรวมทั้งผิดจรรยาบรรณใดๆ ถ้า Blogger คนไหนจะทำ เพราะใน Magazine & TV มันก็มีการลง Ad [Advertorial] เป็นปรกติอยู่แล้ว
ก็อย่างที่บอกไปถ้าใน Blog มี Sponsor เข้าใหม่ก็ไม่คิดจะปิดบัง
ค่าตัวต่อครั้งก็แตกต่างกันไปตาม Power ของตัว Blogger และ Traffic คนเข้า Blog หรือจำนวนคน Like
บาง Brand อาจจะจ้างเขียนโฆษณาในเชิง Product Review ต่อครั้งจบแล้วจบกัน
แต่บางบริษัทอาจจะจ้างแบบติด Contract ระยะยาวกับ Blogger เป็นปีๆ เพื่อเน้น Branding เลยก็มี
 2. รับ กล่อง” หรือ “Product” ฟรี แทนเงิน !
เป็นอีกวิธีที่ Brand สมัยใหม่ชอบใช้กับ Thai Blogger เพราะว่าไม่ต้องมีต้นทุนเป็นตัวเงินแค่เบิกของที่ต้องขายหรือต้องยกให้สื่อมวลชนอยู่แล้วให้กับBlogger ฟรีๆ แทน [บางที่บอกว่า เราไม่ได้ให้ แต่เราแค่ไม่เอาคืน]
นอกจาก Brand จะไม่เสียเงินแล้ว, Blogger ยังจะได้ของชิ้นนั้นๆ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ซึ่งก็จะ WinWin, เพราะ Blogger จะเขียนถึงหรือถ่ายภาพ Product ชิ้นนั้นๆ อยู่เรื่อยๆ
เมื่อ Product ตกรุ่นหรือ Brand ให้ของใหม่มาแทนก็อาจจะขายทิ้งเอาเป็นเงินสด
แต่ Brand ไหนที่เน้นทำตลาด Online มากๆ หรือ Budget เยอะๆ ก็อาจจะให้ทั้ง กล่อง” ทั้ง เงิน
เพื่อผูกใจ Blogger ให้เขียนถึงเฉพาะ Brand ของตนดีๆ แล้วโจมตี Brand อื่นหนักๆ ก็มีเหมือนกัน
 3. ค่าตัวจากการออกงาน !
บางทีก็รวมกับข้อ ไป แต่บาง Brand จะจ่ายเพิ่มเติมเข้าไปอีก
เอาตัวผมเองก็เคยมี Brand หนึ่งจากญี่ปุ่นที่ชวนไปงานเปิดตัว Product ใหม่เพื่อให้เขียนถึงลงใน Blog [ซึ่งก็จะได้ค่าเขียนอยู่แล้ว] แต่ Brand นี้ยังยินดีจ่ายเพิ่มให้อีกในกรณีที่เราชวนคนใน Blog ไปร่วมงานได้มากๆ
หรือถ้ามีการถ่ายรูปกับผู้บริหารและมีการร่วม Activity กับงานนั้นๆ, Thai Blogger บางท่านก็จะบวกค่าตัวเข้าไป
[มี Brand หนึ่งเคยชวนผมไปทำกับข้าวในงานด้วย แต่เวลาไม่ลงตัว เลยโชคดีไม่มีใครตาย…]
ดังนั้น Blogger บางคนก็จะได้หมดเลยตั้งแต่ข้อ 1 + 2 + 3
ปัจจุบัน ถ้างานไหนไม่มีค่าตัว / ค่ารถ / ค่าเดินทางให้, Blogger บางคนก็อาจจะไม่ไปเลยด้วยซ้ำ 

4. การลง Banner โฆษณาและ Google Ad บน Blog !
ไม่แปลกที่ Website ใหญ่ๆ จะลง Banner เป็นป้ายลอยๆ ให้เรา Click แต่เดี๋ยวนี้ Blog ดังๆ ในไทยหลายที่ก็เริ่มมีลง Banner แล้วเช่นกันทั้งแบบที่เป็นBanner จาก Brand นั้นนี้โดยตรงและแบบที่ใช้แผ่นป้ายของ Google Ad
แบบป้ายจาก Brand ก็รับเป็นเงินสดกันไป
ส่วนแบบ Google Ad จะได้เงินเมื่อผู้อ่าน Click ที่ป้าย
5ขายของ Online !
อันนี้ส่วนใหญ่จะเจอกับพวก Beauty Bloggers แนวแต่งหน้า หรือไม่ก็พวก Pretty Girls ตาม Facebook & Instagram มากกว่า เพราะว่ามีความสวยเป็นทุนเดิม [หรือบางคนก็ลงทุนกับความสวยไปเยอะจนต้อง ถอนทุน” คืนบ้าง]
ดังนั้นก็เลยทำเครื่องสำอาง Brand ตัวเองขายพ่วงไปด้วย
หรือบางคนอาจจะมีบินไปเมืองนอกบ่อยไม่ก็มี Connection ที่สามารถหาเครื่องสำอางราคาทุนได้
ก็เอามาขายบน Blog / Facebook / Instagram หรือ Social Network ของตัวเอง
ส่วนตัวผมก็หิ้ว Vitamin / Skin Care / iPhone ไปจนถึง Rilakkuma ติดมือกลับไทยนิดหน่อยเวลาไป Backpack
แต่ก็ไม่ได้เน้นขายจริงจังอะไรแค่ได้เป็นค่าตั๋วเครื่องบินก็ Ok แล้วครับ